ความในใจ (ใครเอาไปใส่ไฟ ทางไม่ดี ขอให้โชคร้ายเหมือนเราประสบอยู่ เพี่ยง)

เราอยากบอกว่า ชีวิตการเป็นครูอัตราจ้างทุกวันนี้ ทรมานมาก

เราอ่ะ เคยบ่นไปแล้ว ลองหาอ่านดู อยู่ข้าง ๆ นี่แหละ ว่าทำไมเราไม่อยากเป็นครู

มาสรุปอีกครั้งว่า
1. ภาระเยอะไปไหม ? กับข้าราชการคงไม่เท่าไร แต่เราเป็นแค่อัตราจ้าง สายสำนักงาน ด้วย 49 คน โห เราอยากตายทุกวัน ร้องไห้ทุกวัน เพราะไม่รู้จะทำไงให้มันครบ (เอกสาร) ครูประจำ(แปลว่าข้าราชการ)ท่านหนึ่ง ท่านโตเป็นน้าเราได้ ท่านยังเล่าเลยว่าเก็บเอกสาร ท่านร้องไห้เลย เพราะเราก็ทำได้แค่ทวง แต่เมื่อเด็กไม่เอามาให้เรา จะทำไง เราฝ่าฟันงานตรงนั้นไปได้ เพราะความกลัวสุดขีด กลัวจะต้องคีย์งานเอง กลัวมาก ป่วยเลยอ่ะ ขี้ขึ้นสมอง

2. เราไม่ชอบเป็นทุนเดิม ไม่ชอบที่ว่าคือ เราเกลียดการเยี่ยมบ้าน (เราเหมือนโนบิตะ แล้วเราต้องไปเยี่ยมเองเรายิ่งรู้สึกแย่ ทำไมต้องเยี่ยมบ้าน เยี่ยมบ้านแล้วช่วยอะไรได้ แม่เด็กบางคนเชื่อลูกตัวเองมากกว่าเชื่อสิ่งที่เด็กในห้อง และครูประจักษ์เอง ไปสอนกันเองดีกว่าไหม พูดจริง ๆ เหนื่อย เริ่มเจอแล้ว) และที่เราเกลียดมาก ๆ อีกอย่างคือวิชาลูกเสือ ชุดลูกเสือ เกลียดมาก (ตอนเด็ก ๆ มีประสบการณ์แย่ จากความเห็นแก่ตัวของคนในค่ายลูกเสือ ลักขโมย ขี้โกง ชั่ว เลยคิดว่าไม่อ่ะ มันไม่ใช่อ่ะ ชุดก็เหม็น หรือไม่จริง ไปถามเลย ใครอยากใส่บ้าง)

นี่คือความรู้สึกส่วนตัว กรุณาอย่าด่า แค่อยากระบาย ถ้าเราไม่ได้ระบาย คงระเบิดแน่ และบอกได้เลยว่า ทุกวันนี้อยากระเบิด แต่คำว่า “รับผิดชอบ” มันค้ำคอ เพราะกับเงินเดือน ที่หักแล้วเหลือ 8644 บาท เราคิดว่ามันหนักหนามาก เอาง่าย ๆ ว่าเรารู้สึกเหมือนจะตายทุกวัน รู้สึกว่าความคิดสร้างสรรค์กระฉูด หายไปไหนหมด

3. ที่สำคัญ เอกสารราชการนี่ ประหลาด เราเป็นที่ปรึกษา ม.1 ในใบ 5 เล่ม (ของสพฐ) มีประวัติ ความสามารถ อีคิว เยี่ยมบ้าน อะไรพรรค์นี้ มีอันนึงเขียนว่า ตอบจากในช่วงหกเดือนนี้
แต่ขอโทษ เราเจอเด็ก ม.1 เรา ตอน 16 พ.ค.2556 อย่างเป็นทางการ
คีย์ข้อมูลได้ถึง 15 กรกฎาคม 2556  (ถ้าคีย์ไม่ทัน ก็หมดสิทธิ์เพราะระบบจะปิด)
มันบ้าหรือเปล่า 16 พ.ค. – 15 ก.ค. มันถึง หกเดือนไหม (ถ้าเด็กเก่าก็ว่าไปอย่าง แต่นะ ก็เท่ากับว่าครูที่ปรึกษาเก่าต้องคีย์ ไม่ใช่ครูที่ปรึกษาใหม่)
สรุป เขาสร้างกระดาษกันใช่ไหม

สุดท้ายจริง ๆ ไม่ว่าจะอะไร เราด่า เราบ่น อากาศธาตุ บ่นไปเรื่อย เหนื่อยหน่าย ชีวิตเศร้า แน่นอน เราพบแล้วว่ามีคนไม่หวังดี คอยหาเรื่อง ใส่ร้าย ใส่ความ ตีความ ขอโทษ พวกคุณว่างกันมากใช่ไหม
เราคงไม่เล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา
แต่เราบอกได้เลยว่า ที่เราอยู่ทุกวันนี้ ด้วยคำว่า “รับผิดชอบล้วน ๆ” ไม่ต้องคิดว่าเรามีบุญคุณ หรือใครมีบุญคุณ เพราะเรารู้ว่าเรามีหน้าที่อะไร เพียงแต่เราจะจับก่อนหลังยังไง เพราะเราก็มีสองมือสองเท้า (และทุนทรัพย์ที่น้อยกว่า เล่านิด เราเก็บเงินลูกเสือ เงินครบทุกบาททุกสตางค์ แต่พอมาเก็บเงินธนาคาร เงินหายไปสองร้อยแล้ว เราก็ต้องออก T,T แต่บางคนเราบอกได้เลยว่าเราไม่เห็นตอนเด็กจ่าย แต่เขายืนยันกัน เราก็ต้องยอมรับว่ามันคือความบกพร่องของเรา เราก็ต้องออกเงินส่วนตัว ซึ่งแค่นี้ก็ไม่พอกินแล้ว พูดจากใจ ถ้าแม่ไม่เลี้ยง เราอดตาย กล้าพูดเต็มปากเต็มคำ ยังต้องออกเงินประกันให้เด็กไปก่อนเพื่อปิดงาน ซึ่งโชคดี เด็กตามมาจ่ายครบแล้ว)

เราทุกข์ใจหลายเรื่อง แต่เราอยู่ด้วยคำว่า “รับผิดชอบ”

และทนได้ เพราะรู้ว่าอยู่ก็ได้ทำประโยชน์ แม้จะไม่ถูกใจใครบ้าง ก็ช่วยไม่ได้ เพราะว่าทุกคนก็มีงาน ไม่ใช่ไม่มี

และจะอยู่ได้ทนนานกว่านี้ ถ้า มโนกันน้อย ๆ เราไม่ได้ด่าใคร ถ้าเราจะด่าเราก็ด่าที่ระบบ

คุณรู้จักเวรกรรมไหมคะ เวรกรรมมีจริงค่ะ ถ้าเราผิดเราชั่วเราแย่ เวรกรรมก็จะตามเราเอง
แต่ถ้าเราไม่ผิด แต่ขยันมโน ขยันตีไข่ ขยันใส่ไฟ ก็ขอให้รู้เถอะค่ะ ว่าเวรกรรมก็ยังคงมี

รับผิดชอบหน้าที่ดีกว่า (แต่ถ้ามันล้า ถึงขั้นดึงสุขภาพ ให้ต่ำลง เราคงต้องคิดอีกที ว่าความรับผิดชอบ ต่อหน้าที่ กับรับผิดชอบต่อตัวเอง เราควรเลือกอะไร)

ปิดท้ายวันนี้ที่แง่คิดที่ว่า
ไม่มีชีวิตของใครที่ดีที่สุด แต่ควรอาศัยระบบ(ที่ดี)ดีกว่าพึ่งพาคน
และอยากบอกว่า ขออภัยที่วันนี้เหมือนไปพูดถึงพี่เรา ว่าถ้าเขาแต่งงานแยกบ้านไป เราคงแบกรับหลายอย่างไม่ได้ (ถ้่าเกิดขึ้นจริง) เราคงเลือกที่จะออกจากงาน (เพราะ “ส่วนใหญ่” ไร้ระบบ หรือมีระบบ ก็ไม่เมตตาเรา เหมือนกลัวเราว่างงาน บีบคั้น ไม่ได้ว่าใคร จากใจ เราว่าระบบราชการนั้น กดขี่ลูกจ้างชั่วคราว ราวกับบริษัทกดขี่คนท้อง — ถ้าเคยอ่านหนังสือเล่มเดียวกันจะเข้าใจที่เราเขียน)

เนื่องจากเราพบว่า เราไปไม่ได้ไกลแน่ (เอกไม่ตรง)
เนื่องจากเราพบว่า มีเรื่องชนชั้นจริง ๆ ซึ่งเราเข้าใจ มีทุกที่
เราเข้าใจหลายอย่างมากกว่าที่ทุกคนคิดว่าเราเอาแต่อารมณ์เป็นที่ตั้ง
เราเข้าใจ เพียงแต่ที่เราร้องไห้เพราะเราสมเพชตัวเอง ที่เราหนีไม่พ้นต่างหาก
ดังนั้นโปรดอย่าถือสาเรา ขอแค่นี้แหละ เราอนุโมทนาสาธุในบุญกุศลที่ไม่ถือสาครั้งนี้และครั้งไหน ๆ สาธุเลย ได้มุทิตา

ถ้าเราผิด เดี๋ยวกรรมก็มาหาเราเอง ไม่ต้องหาเรื่องใส่เรา เพราะเดี๋ยวความรับผิดชอบจะสะดุด ถึงขั้นขาด จะพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะในใจ เรารักเด็ก และเราชอบสอน เพียงแต่เราเกลียดการศึกษาของไทย (ที่เราจบมานี่แหละ) ไม่ได้ด่า แค่แสดงความคิดเห็น

ก่อนสุดท้าย
เราอยากทำอะไร
เราอยากอยู่สวน เป็นเจเนอรัลเบ๊ของสวน อยากอยู่กับธรรมชาติ เราเกลียดห้องแอร์ เสียอย่างเดียวคือเราไม่ได้จบบริหาร เราไปทำเอง อาจจะเจ๊ง
นอกจากนี้ เราก็อยากอยู่เป็นเลขา หรืออะไรที่รับงานเฉพาะ จัดลำดับงาน ไม่ประดัง ตอนนี้เรารู้มารยาทของการอยู่รอดในสังคมมนุษย์ขี้เหม็นแล้ว ว่าทำไงถึงจะอยู่รอด ขอบคุณคนที่คิดร้าย ปองร้าย ให้ร้ายเรา ที่ทำให้เรารู้ว่าโลกอยู่ยาก แต่อยู่ได้ ถ้าเงียบ แต่จะดีมากถ้าปล่อยวางจริง ไม่ใช่เป็นพวกคลื่นใต้น้ำ) นิ่งได้ ปล่อยวางได้ คุณประเสริฐ ตายไปไม่ต้องมาเกิดอีก เราเชื่องี้ ทุกอย่างอยู่ที่ความคิด

ที่เราแว๊ด ๆ เพราะเราอยากทิ้งทวน เหนื่อย เราอยากให้รู้ใจเรา ว่าบางครั้งเราร้องไห้กับความทุกข์ของเรา (อาจเล็กน้อยในสายตาคนอื่น) แต่เราก็พยายามเ้ข้าใจ ว่าความทุกข์มันมาจากอะไร และเป็นไปได้ อย่าไปทำใส่คนอื่น (เราไม่เคยอยากเสือกเรื่องคนอื่น ไม่ยุ่งเลยเป็นดีที่สุด)

ใจจริง อยากเราอยากไปทำงานสำนักปฏิบัติธรรม อะไรทำนองนี้ อยากหาความสงบ เงินน้อยไม่ว่า ไม่เคยคิดอยากรวย (แต่บางทีพอนึกถึงพ่อแม่ เรารู้สึกว่าเราเป็นลูกที่เลว เพราะฐานะทางการเงินเราไม่มั่นคง แต่เราจะพยายามไม่คิดงั้น และพยายามให้มากขึ้น ที่จะทำให้พ่อแม่เราไม่ต้องฟังคนด่าเราใส่เขา เรื่องงานคือเหตุหลัก แม้เราไม่ชอบ แต่เราทนได้)
ถ้าป๋าเกษียณ แล้วไปทำสวน ไปทำบ้านดิน เราจะไปด้วย เราจะไปเป็นนักเขียน (ต้องหาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้ได้มากกว่านี้)
แต่นะ ก็ต้องดูแม่ด้วย ว่าแม่ทำอะไร เราไม่ได้เรื่องหรอก แต่เราบอกได้ว่าเรารับผิดชอบ มากกว่าที่หลายคนคิด

มนุษย์หลายคนเรียนไม่จบ ไม่ใช่เขาแย่ บางคนอาจมองว่าเขาไม่รับผิดชอบ แต่แท้ที่จริง อาจมาจากการค้นพบตนเองก็ได้ว่าไม่ชอบ

แต่ด้วยอะไรก็ตาม ที่ทำให้เรามาบ่นด่านี่
เราขอทิ้งท้ายจากใจเลยว่า อาชีพครู ทุกยุค น่านับถือ (แม้ตัวคนบางคนแย่ ไม่น่านับถือ ใครไม่เป็น ไม่ต้องร้อนตัว) เพราะความคาดหวังจากสังคม ภาระจากความเป็นครูดี ภาระจากนักการศึกษาที่ว่างมากและเข้าใจว่าีครูว่างมาก จัดให้อีกเท่าไรต่อเท่าไร สร้างกระดาษ ไม่ได้พัฒนาชาติจริง ๆ

ขอบอกเลย การศึกษาไทย ยังไงก็ไปผิดทาง ผิดทางมาตลอด ตามตูด และตามแบบไม่ได้ดูเลยว่ามันใช้ได้แค่ไหน

นับถือท่านอาจารย์วิริยะ

ใช่ค่ะ เห็นด้วยค่ะ
Wiriyah Eduzones
…… เลิกเอาคะแนนโอเนต มาวัดผลงานโรงเรียนและครู …….
……อยากวัดครู ทำง่ายกว่านั้นเยอะครับ ….. ไปถามนักเรียนสิครับ
 
จำไว้เอกสารเมกได้ มาก ๆ ก็เมกได้
ถือสาให้น้อย ปล่อยวางใ้ห้มาก ๆ
ไม่มีใคร ว่างอยากด่าใคร
และถ้าใครด่าเรา เราจะพยายามทำระบบให้ดี (เีราคงไม่ถามหาเหตุผล เพราะบางทีมันอาจไม่ใช่เรื่องเลย ไม่ใช่เลย ไม่ได้เกี่ยวเลย)
และ “รับผิดชอบ” เท่าที่ไม่เดือดร้อน ร่างกายและจิตใจตนเอง (ใช้งานคน ตามรายได้เป็นหลัก)

สุดท้าย เข้าใจความรู้สึกของคุณครูทุกคน แม้สบายบ้าง ลำบากบ้าง ท่านประเสริฐมากที่มาแบกรับความคาดหวังที่สูงยิ่งนี้ ขอเอาใจช่วย
ส่วนท่านที่ไม่เคยเห็นใจ ไม่พยายามเข้าใจ สิ่งที่เกิดขึ้น ก็ขอให้ท่านไม่เข้าใจต่อไป
เวรกรรมมีจริง
แต่เรารับผิดชอบมากพอ ทุกอย่างดำเนินไปได้ ด้วยความรับผิดชอบของหลาย ๆ ฟันเฟืองในระบบ อย่าเสียเวลากับอะไรที่เป็นมโน

ใครเอาไปใส่ไฟ ทางไม่ดี ขอให้โชคร้ายเหมือนเราประสบอยู่ เพี่ยง
เหนื่อยมาก ไอ จน อ้วก ถ้าอ้วกเป็นเลือด ก็ต้องคิดแล้ิว (ไม่ได้เครียด แค่พยายามติดต่อ พยายามจัดการหลายอย่าง ที่ไม่ใช่จ๊อบ มันคือหลัก “เรารับผิดชอบมากพอ” จบ)

อ่านดูจริง ๆ จะรู้ว่าเรา ไร้สาระมาก และเขียนอะไรมั่วไปหมด เพราะว่าปัญหาของเราเยอะ เยอะจากความเยอะ ไม่ได้มาจากใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้ว่างจับผิดใครขนาดนั้น บ่นเสร็จก็มานั่งหาทางแก้ปัญหา บางทีอ่านก็สะเทือนใจ แต่หลายครั้งก็สำนึกผิดในความโง่เขลาของตัวเอง “แต่เรารับผิดชอบมากพอ”

เอาไปแต่งเพลงได้

เออ ปล.นิด เราว่าถ้าเมืองไทย มีระบบการเทรนงานของหน่วยงาน ไม่ต้องเอาคนจบตรงสายก็ได้ (ไม่เน้นใบปริญญา แต่ทำงานได้ตามที่หน่วยงานต้องการ คุมโดยคนเทรน เลือกจากการทำงานจริง ไม่ต้องมีใบวิชาชีพ ไม่ต้องเยอะ หรือเรียนเป็นปีสองปี เอาแบบเนื้องานเป๊ะ ๆ สังคมคงดีกว่านี้ เมืองไทย ออกแนวกีดกันทางการศึกษานะ จากใจเลย เอาว่าไม่ต้องรอระบบ ดูแลกันเองแล้วกัน เริ่มจากที่บ้านของท่าน พยายามสร้างกัน ถ้่าว่าง ๆ จะเอาระบบที่ซึมซาบมามาเล่าให้ฟัง)

ส่วนตัวเราไม่ใช่คนดีเด่อะไร ไม่ต้องติดตาม อ่านแล้วชอบอ่านไป อ่านแล้วไม่ชอบก็ปิดไป

ขอบคุณคนที่อ่านที่เป็นคนดี ๆ ที่ไม่สร้างเรื่องเดือดร้อน ขยันปาขี้ใส่เราเรา ขอบคุณ ขออวยพรให้คุณก้าวหน้าในงานที่รัก หรือไม่รักก็ขอให้ทนไหว สู้ต่อไป เราก็จะสู้ เพื่อหนึ่งในอุดมการณ์แม้กินไม่ได้ (เรามีความรับผิดชอบมากพอ)